- ผ้าเบรกในประเทศไทย ปัจจุบันมีมากกว่า 100 ยี่ห้อ หลากหลายชนิดและหลายคุณภาพ
- เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถ ในการวิเคราะห์และเลือกซื้อผ้าเบรกให้ตรงตามงบประมาณ
- และความต้องการของผู้ใช้รถอย่างคุ้มค่าที่สุด
สำหรับการขับขี่ทั่วไป ควรใช้ผ้าเบรกเกรดเดียวกับผ้าเบรกที่ติดมากับรถยนต์ใหม่เนื่องจาก
ผ้าเบรกออกแบบให้ทำงานได้ดีในสภาวะต่างๆ เช่น
ขับขี่ในเมือง บรรทุกของหนัก หรือลุยน้ำ
ผ้าเบรกทำงานได้ดีกับจานเบรก และมีอัตราการทำลายจานเบรกที่ต่ำมาก
การสัมผัสเบรกจะให้ความรู้สึกนุ่ม และหยุดรถตามแรงที่เหยียบคันเบรก
ฝุ่นละอองของผ้าเบรกมีน้ำหนักเบา ไม่ก่อตัวเป็นเขม่าดำให้เลอะเทอะบนล้อ
ควรเลือกผ้าเบรกให้ตรงตามลักษณะการขับรถหรือการใช้งาน
- ผ้าเบรกรถแข่ง ควรใช้สำหรับรถแข่งเท่านั้น เพราะผ้าเบรกบางชนิดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- เมื่อรถใช้ความเร็วสูงเท่านั้น
- ผ้าเบรกเพื่อใช้งานหนัก(เนื้อโลหะ) ควรใช้สำหรับรถที่ใช้บรรทุกของหนักเป็นประจำ เนื่องจากผ้า
- เบรกถูกออกแบบมา เพื่อรับสภาพรับน้ำหนักบรรทุกสูงๆและความเร็วสูงๆ หากรถบ้านนำไปใช้อาจ
- จะรู้สึกเบรกแข็งหรือสัมผัสเบรกแบบกระชากรุนแรง อาจจะเป็นอันตรายได้
- ผ้าเบรกแต่ละชนิดให้ัสัมผัสเบรกที่แตกต่างกัน และความรู้สึกทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน เช่น
- ปัญหาเรื่องเสียง ปัญหาเรื่อง เขม่าดำบนวงล้อ ปัญหาเรื่องการบำรุงรักษา
- ควรหลีกเลี่ยงการอัดผ้าเบรก
- เนื่องจากแผ่นรองผ้าเบรกหรือก้ามเบรกที่ผ่านการใช้งานแล้ว คุณสมบัติของเหล็กจะเปลี่ยนไป
- รวมทั้งการบิดเบี้ยวของ แผ่นเหล็ก อาจทำให้การทำงานของเบรกผิดพลาด อีกทั้งการอัดผ้าเบรก
- ส่วนใหญ่จะใช้ความชำนาญของช่างเป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบ คุณภาพ ซึ่งเป็นการยากอย่างยิ่ง
- ในเรื่องของประสิทธิภาพและความมั่นใจของผลิตภัณฑ์
- **(การอัดผ้าเบรกใหม่ คือ การนำตัวผ้าเบรกใหม่ทากาวหรือยางบนโครงเหล็กเก่าของดรัมเบรก
- หรือดิสเบรก
- ปัจจุบันผ้าเบรกสำเร็จรูปและดิสเบรกสำเร็จรูปมีราคาถูก ดังนั้น ควรเลือกใช้แบบสำเร็จรูปดีกว่าที่จะ
- ไปอัดผ้าเบรกตามร้าน) **
ที่มา http://www.autocheckpoint.co.th/th/break_03.html